วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2555

วาเลนไทน์ VALENTIDE



วันวาเลนไทน์


ประวัติ

วันวาเลนไทน์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยจักรวรรดิโรมัน ในกรุงโรมสมัยก่อนนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ จะเป็นวันเฉลิมฉลองของจูโนซึ่งเป็นราชินีแห่งเหล่าเทพและเทพธิดาของโรมัน ชาวโรมันรู้จักเธอในนามของเทพธิดาแห่ง อิสตรีและการแต่งงาน และในวันถัดมาคือวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ก็จะเป็นวันเริ่มต้นงานเลี้ยงของ Lupercalia การดำเนินชีวิตของเด็กหนุ่มและเด็กสาวในสมัยนั้นจะถูกแยกจากกันอย่างเด็ดขาด แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีประเพณี อย่างนึง ซึ่งเด็กหนุ่มสาวยังสืบทอดต่อกันมา คือ คืนก่อนวันเฉลิมฉลอง Lupercalia นั้นชื่อของเด็กสาวทุกคนจะถูกเขียนลงในเศษกระดาษเล็ก ๆ และจะใส่เอาไว้ในเหยือก เด็กหนุ่มแต่ละคนจะดึงชื่อของเด็กสาวออกจากเหยือก แล้วหลังจากนั้นก็จะจับคู่กันในงานเฉลิมฉลอง บางครั้งการจับคู่นี้ ท้ายที่สุดก็จะจบลงด้วยการที่เด็กหนุ่มและเด็กสาวทั้งสองนั้นได้ตกหลุมรักกันและแต่งงานกันในที่สุด
ในรัชสมัยของ จักรพรรดิคลอดิอัสที่ 2 (Emperor Claudius II) แห่งกรุงโรม พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ที่มีใจคอดุร้ายและทรงนิยมการทำสงครามนองเลือด ได้ทรงตระหนักว่าเหตุที่ ชายหนุ่มส่วนมากไม่ประสงค์จะเข้าร่วม ในกองทัพเนื่องจากไม่อยากจากคู่รัก และครอบครัวไป จึงทรงมีพระราชโอง การสั่งห้ามมิให้มีการจัดพิธีหมั้นและแต่งงานกันในโรมโดยเด็ดขาด ทำให้ ประชาชนทุกข์ใจเป็นอย่างยิ่ง และขณะนั้น มีนักบุญรูปหนึ่งนามว่า เซนต์วาเลนไทน์ หรือวาเลนตินัส ซึ่งอาศัยอยู่ในโรมได้ ร่วมมือกับเซนต์มาริอัสจัดพิธีแต่งงานให้กับ ชาวคริสต์หลายคู่ และด้วยความปรารถนา ดีนี้เองจึงทำให้วาเลนไทน์ถูกจับและระ หว่างนี้ก็ยังคงส่งคำอวยพรวาเลนไทน์ ของเขาเองขณะที่เขาเป็นนักโทษ เป็นความเชื่อว่าวาเลนไทน์ได้ตกหลุมรักหญิง สาวที่เป็นลูกสาวของผู้คุมที่ชื่อจูเลีย ซึ่งได้มาเยี่ยมเขาระหว่างที่ถูกคุมขัง ในคืนก่อนที่วาเลนไทน์จะสิ้นชีวิตโดยการถูกตัดศีรษะ เขาได้ส่งจดหมายฉบับ สุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า “From Your Valentine”
วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้นศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินัส แด่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดรและมิตรภาพ อันสวยงาม และคำนี้ก็เป็นคำที่ใช้มาจนถึงปัจจุบัน ถึงแม้ว่าเบื้องหลังความเป็นจริงของวาเลนไทน์จะเป็นตำนานที่มืดมัว แต่เรื่องราวยังคงแสดงให้เห็นถึงความรู้สึกสงสาร ความกล้าหาญและที่สำคัญที่สุดเป็นเครื่องหมายของความโรแมนติค จึงไม่น่าประหลาดใจ เลยว่าในช่วงยุคกลางวาเลนไทน์เป็นนักบุญ ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในอังกฤษและฝรั่งเศส ต่อมาพระในนิกายโรมันคาทอลิกจึงเลือกให้ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความรักและดูเหมือนว่ายัง คงเป็นธรรมเนียมที่ชายหนุ่มจะเลือกหญิงสาวที่ตนเองพึงใจในวันวาเลนไทน์ สืบต่อกันมาจนถึงทุกวันนี้


นักบุญวาเลนไทน์


นักบุญวาเลนไทน์
วันนักบุญวาเลนไทน์ (Saint Valentine's Day) หรือที่เป็นที่รู้จักว่า วันวาเลนไทน์ (Valentine's Day) ตรงกับวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ของทุกปี เป็นวันประเพณีที่คู่รักบอกให้กันและกันทราบเกี่ยวกับความรักของพวกเขา โดยการส่งการ์ดวาเลนไทน์ ซึ่งโดยมากจะไม่ระบุชื่อ วันนี้เริ่มเกี่ยวข้องกับความรักแบบชู้สาวในช่วงยุค High Middle Ages เรื่องของ วันวาเลนไทน์ นี้ มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ณ กรุงโรม หรืออาณาจักรโรมัน ในยุคของจักรพรรดิคลอดิอุสที่สอง (Claudius II) โดยที่จักรพรรดิพระองค์นี้ มีนิสัยชอบกดขี่ข่มเหงผู้อื่น เขาได้สั่งให้ชาวโรมันทุกคน สักการะนับถือพระเจ้า 12 องค์ โดยผู้ที่ขัดขืนคำสั่งจะถูกทำโทษ รวมทั้งห้ามยุ่งเกี่ยวกับพวกคริสเตียนด้วย แต่นักบุณวาเลนตินุส (Valentinus) - valentine มีความเลื่อมใส ศรัทธาต่อพระคริสต์มาก เขาได้กล่าวไว้ว่า แม้กระทั่งความตายก็ไม่สามารถ เปลี่ยนความคิดของเขาได้ เขาจึงได้ถูกขังคุก
ช่วงอาทิตย์สุดท้ายในชีวิตของเขานั้นได้ มีสิ่งแปลกประหลาดเกิดขึ้น ขณะที่เขาถูกคุมขังอยู่นั้น ผู้คุมขังได้ขอให้วาเลนตินุส สอนลูกสาวเขาซึ่งตาบอดด้วย จูเลียเป็นคนสวยแต่น่าเสียดายที่เธอตาบอดตั้งแต่แรกเกิด วาเลนตินุสได้เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ต่าง ๆ สอนเลข และเล่าเรื่องพระเจ้าให้เธอฟัง จูเลีย สามารถรับรู้สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ได้ โดยคำบอกเล่าของ วาเลนตินุส เธอเชื่อใจเขาและเธอมีความสุขมากเมื่ออยู่กับเขา
วันหนึ่งจูเลียถามวาเลนตินุสว่า “ถ้าเราอธิษฐาน พระผู้เป็นเจ้าจะได้ยินเราไหม” เขาตอบ “พระองค์เจ้า จะได้ยินเราแน่นอน ท่านได้ยินเราทุกคน” จูเลียกล่าว “ท่านทราบหรือไม่ว่า ข้าอธิษฐานขออะไรทุก ๆ เช้า ทุก ๆ เย็น...ข้าหวังว่า ข้าจะได้มองเห็นโลก เห็น ทุก ๆ อย่างที่ท่านเล่าให้ข้าฟัง” วาเลนตินุสจึงบอก “พระเจ้ามอบแต่สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ทุกคน เพียงแค่เรามีความเชื่อมั่นในพระองค์ท่าน เท่านั้นเอง”
จูเลีย ผู้ซึ่งมีความเชื่อมั่นในพระผู้เป็นเจ้าจึงได้คุกเข่า กุมมืออธิษฐานพร้อมกับวาเลนตินุส และในขณะนั้นเอง ก็ได้มีแสงสว่างลอดเข้ามาในคุก และสิ่งมหัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น จูเลียค่อย ๆ ลืมตา แล้วเธอก็มองเห็น เขาและเธอจึงกล่าวขอบคุณต่อพระเจ้า และเรื่องมหัศจรรย์เรื่องนี้ ได้แพร่หลายไปทั่วราชอาณาจักร
ในคืนก่อนที่วาเลนตินุสจะสิ้นชีวิต โดยการถูกตัดศีรษะเขาได้ส่งจดหมายฉบับสุดท้ายถึงจูเลีย โดยลงท้ายว่า - From Your Valentine - เขาสิ้นชีพในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 270 หลังจากนั้น ศพของเขาได้ถูกเก็บไว้ที่โบสถ์พราซีเดส (Praxedes) ณ กรุงโรม จูเลียได้ปลูกต้นอามันต์ หรืออัลมอลต์สีชมพู ไว้ใกล้หลุมศพของวาเลนตินุส แต่ผู้เป็นที่รักของเธอ โดยในทุกวันนี้ ต้นอามันต์สีชมพูได้เป็นตัวแทนแห่งรักนิรันดร์และมิตรภาพอันสวยงาม


การส่งดอกไม้วันวาเลนไทน์

มนุษย์ได้ใช้ดอกไม้เป็นสื่อในการแสดงความรักต่อกันมานานแล้ว เราคิดว่าดอกไม้เป็นสิ่งความรักของหนุ่มสาวเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วดอกไม้ยังใช้สื่อความรักได้หลายรูปแบบ ทั้งยังไม่จำกัดอายุและเพศอีกด้วย
  • กุหลาบแดง (Red Rose) : จะใช้ในความหมายแทน ประโยคที่ว่า "ฉันรักเธอ"
  • กุหลาบขาว (White Rose) : กุหลาบขาวแทนความหมายแห่งความรักอันบริสุทธิ์
  • กุหลาบชมพู (Pink Rose) : มักถูกใช้แทนความรักแบบโรแมนติก และความเสน่หาต่อกัน
  • กุหลาบเหลือง (Yellow Rose) : สีเหลืองเป็นสีแห่งความสดใส แทนความรักแบบเพื่อน
โดยในการมอบดอกกุหลาบในวันวาเลนไทน์นั้นเชื่อกันว่า จำนวนดอกกุหลาบที่มอบแก่กันนั้น มีความหมายต่อความรักกันอีกด้วย โดยได้แก่
  • 1 ดอก หมายถึง ความรักแบบ รับแรกพบ
  • 2 ดอก หมายถึงการแสดงความยินดี
  • 3 ดอก แทนคำบอกรักว่า ฉันรักเธอ
  • 7 ดอก แทนคำพูดที่ว่า เธอทำให้ฉันหลงเสน่ห์
  • 9 ดอก แทนความหมายที่ว่า ทั้งสองคนจะรักกันตลอดไป
  • 10 ดอก แทนความหมายว่า เธอเป็นคนที่ดีเลิศที่สุด
  • 11 ดอก แทนความหมายว่า การเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดของฉัน
  • 12 ดอก แทนความหมายว่า การขอให้เธอเป็นคู่ฉัน
  • 13 ดอก แทนความหมายว่า ความเป็นเพื่อนแท้เสมอ (ซึ่งอีกนัยหนึ่งคือ การบอกปฏิเสธด้วยความรักอย่างเพื่อน)
  • 15 ดอก แทนความหมายว่า แทนความรู้สึกเสียใจจริง
  • 20 ดอก แทนความหมายว่า ความจริงใจต่อกัน
  • 21 ดอก แทนความหมายว่า ถึงการมอบชีวิตอุทิศให้
  • 36 ดอก แทนความหมายว่า ความทรงจำที่แสนหวานที่ยังมีต่อกัน
  • 40 ดอก แทนความหมายว่า ยืนยันว่าความรักเป็นรักแท้
  • 99 ดอก แทนคำพูดที่ว่า ฉันรักเธอจนวันตาย
  • 100 ดอก แทนคำพูดที่ว่า ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
  • 101 ดอก แทนคำพูดที่ว่า ฉันมีเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น
  • 108 ดอก แทนความหมายถึงการขอแต่งงานแบบอ้อมๆ ที่ผู้ให้ไม่กล้าพูด
  • 999 ดอก แทนคำพูดที่ว่า ฉันจะรักเธอจนวินาทีสุดท้าย
  • 1,000 ดอก แทนคำพูดที่ว่า ฉันจะรักเธอจนวันตาย
  • 9,999 ดอก แทนคำพูดที่ว่า ฉันจะรักเธอชั่วนิรันดร์

กลอนซึ้งๆ

บ า ง เ ว ล า

แค่ไออุ่นที่ได้มา ก็ยิ้มชื่น
ที่ใครๆเรียกว่า วันแห่งความรัก สักหนึ่งคืน
เก็บซ่อนความขมขื่น ให้ลึกสุดใจ
--


บ า ง น า ที 

ก็อยากหยุดเวลาไว้ตรงนี้ ที่เคียงใกล้
วันสำคัญวันนี้ ไม่อยากเหงาใจ
พรุ่งนี้จะอย่างไร ไม่อยากให้กังวล
--


ใ น บ า ง อ า ร ม ณ์

อยากสัมผัสแสงดาวพร่างพรม ให้สุขล้น
ได้ซุกตัวในอ้อมกอดอุ่นๆ มองฟ้าเบื้องบน
ที่ไหนก็ได้ ที่มีเพียงเราสองคน ก็เพียงพอ
--

ความรัก เป็นอารมณ์ที่เกี่ยวข้องกับความเสน่หาและความผูกพันทางอารมณ์อย่างแรงกล้า[1] ในบริบททางปรัชญา ความรักเป็นคุณธรรมแสดงออกซึ่งความเมตตา ความเห็นอกเห็นใจ และความเสน่หาทั้งหมดของมนุษย์ ความรักเป็นศูนย์กลางของศาสนาหลายศาสนา อย่างเช่นในวลี "พระเจ้าเป็นความรัก" ของศาสนาคริสต์ หรืออากาเปในสังฆวรสาร[2] ความรักยังอาจอธิบายได้ว่าเป็นพฤติกรรมต่อตนเองหรือผู้อื่นซึ่งตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเห็นอกเห็นใจ หรือความเสน่หา[3]
คำว่ารักสามารถหมายความถึงความรู้สึก สภาพทางอารมณ์และทัศนะที่แตกต่างกันได้หลากหลาย ซึ่งอาจมีตั้งแต่ความพอใจทั่วไปจนถึงความดึงดูดระหว่างบุคคลอย่างรุนแรง แต่โดยเจาะจงแล้ว ความรักสามารถหมายถึงความต้องการอย่างเสน่หาและความสัมพันธ์ทางเพศของความรักแบบโรแมนติก ความรักที่มีเพศเข้ามาเกี่ยวข้องของอีรอส (คำภาษากรีกหมายถึงความรัก) ความใกล้ชิดทางอารมณ์ของความรักกับบุคคลในครอบครัว หรือรักบริสุทธิ์ที่นิยามมิตรภาพ[4] หรือความรักแบบอุทิศตัวแบบในทางศาสนา[5] ความหลากหลายของการใช้และความหมายของคำว่ารักนี้ ประกอบกับความรู้สึกอันซับซ้อนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เป็นการยากที่จะนิยามความรักให้แน่นอน แม้จะเทียบกับสภาพอารมณ์อื่น ๆ แล้วก็ตาม

ตำนานดอกกุหลาบ

กุหลาบเป็นดอกไม้ที่นิยมปลูกไว้ชื่นชมมาแต่โบราณ ประมาณกันว่ากุหลาบเกิดขึ้นเมื่อกว่า 70 ล้านปีมาแล้ว เคยมีการค้นพบฟอสซิลของกุหลาบใน รัฐโคโลราโด และ รัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้พิสูจน์ว่ากุหลาบป่าเป็นพืชที่มีอายุถึง 40 ล้านปี แต่กุหลาบป่าสมัยโลกล้านปีนี้ มีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกุหลาบสมัยนี้ เนื่องจากมนุษย์ได้นำเอากุหลาบป่ามาปลูกและผสมพันธุ์ ขยายพันธุ์เป็นพันธุ์ต่างๆ มากมาย

               ความจริงแล้วกำเนิดของกุหลาบหรือกุหลาบป่านี้มีเฉพาะในแถบบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรของโลกเท่านั้น คือกำเนิดในภาคกลางของทวีปเอเชีย แล้วแพร่ขยายพันธุ์ไปตลอดซีกโลกเหนือ ไม่ว่าจะเป็นแถบที่มีอากาศหนาวจัดอย่าง อาร์กติก อลาสก้า ไซบีเรีย หรือแถบอากาศร้อนอย่าง อินเดีย แอฟริกาเหนือ แต่ในบริเวณแถบใต้เส้นศูนย์สูตรอย่างทวีปออสเตรเลีย หรือเกาะต่างๆ ในมหาสมุทรรวมทั้งแอฟริกาใต้ ไม่เคยมีปรากฏว่ามีกุหลาบป่าเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติเลย

ดอกกุหลาบ               ตามประวัติศาสตร์เล่าว่า กุหลาบป่าถูกนำมาปลูกไว้ในพระราชวังของจักรพรรดิจีน ในสมัยราชวงศ์ฮั่นราว 5,000 ปีมาแล้ว ขณะที่อียิปต์เองก็ปลูกกุหลาบเป็นไม้ดอก ส่งไปขายให้แก่ชาวโรมัน ชาวโรมันเป็นชาติที่รักดอกกุหลาบมากถึงจะสั่งซื้อจากประเทศอียิปต์แล้ว ยังลงทุนสร้างเนอร์สเซอรี่ขนาดใหญ่สำหรับปลูกดอกกุหลาบอีกด้วย สำหรับชาวโรมันแล้วเรียกได้ว่าดอกกุหลาบมีความสำคัญกับชีวิตประจำวัน เพราะชาวโรมันถือว่าดอกกุหลาบเป็นสัญลักษณ์ของความรัก ซึ่งเป็นทั้งของขวัญ เป็นดอกไม้สำหรับทำเป็นมาลัยต้อนรับแขก เป็นดอกไม้สำหรับงานเฉลิมฉลองต่างๆ ใช้เป็นส่วนประกอบสำหรับทำขนม ทำไวน์ ส่วนน้ำมันกุหลาบยังใช้ทำเป็นยาได้อีกด้วย

               กุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์แห่งความรักและความโรแมนติก ซึ่งมีบางตำนานเล่าว่า ดอกกุหลาบเป็นเสมือนเครื่องหมายแทนการกำเนิดของ เทพธิดาวีนัส ซึ่งเป็นเทพแห่งความงาม และความรัก วีนัสเป็นที่รู้จักกันในชื่อ อโฟรไดท์ ในตำนานเทพของกรีกได้กล่าวไว้ว่า น้ำตาของเธอหยดลงปะปนกับเลือดของ อคอนิส คนรักของเธอที่ถูกหมูป่าฆ่า เลือดและน้ำตาหยดลงสู่พื้นแล้วกลายเป็นดอกไม้สีแดงเข้มหรือดอกกุหลาบนั่นเอง แต่บางตำนานก็เล่าว่าดอกกุหลาบเกิดจากเลือดของ อโฟรไดท์ เองที่หยดลงสู่พื้น เมื่อเธอแทงตัวเองด้วยหนามแหลม

ดอกกุหลาบ               บางตำนานกล่าวว่ากุหลาบเกิดจากการชุมนุมของบรรดาทวยเทพ เพื่อประทานชีวิตใหม่ให้กับนางกินรีนางหนึ่ง ซึ่งเทพธิดาแห่งบุปผาชาติ หรือ คลอริส บังเอิญไปพบนางนอนสิ้นชีพอยู่ ในตำนานนี้กล่าวว่า อโฟรไดท์ เป็นเทพผู้ประทานความงามให้ มีเทพอีกสามองค์ประทานความสดใส เสน่ห์ และความน่าอภิรมย์ และมี เซไฟรัส ซึ่งเป็นลมตะวันตกได้ช่วยพัดกลุ่มเมฆ เพื่อเปิดฟ้าให้กับแสงของเทพ อพอลโล หรือแสงอาทิตย์ส่องลงมาเพื่อประทานพรอมตะ จากนั้น ไดโอนีเซียส เทพเจ้าแห่งเหล้าองุ่นก็ประทานน้ำอมฤต และกลิ่นหอม เมื่อสร้างบุปผาชาติดอกใหม่นี้ขึ้นมาได้แล้ว เทพทั้งหลายก็เรียกดอกไม้ซึ่งมีกลิ่นหอมและทรงเสน่ห์นี้ว่า Rosa จากนั้น เทพธิดาคลอริส ก็รวบรวมหยดน้ำค้างมาประดับเป็นมงกุฎ เพื่อมอบให้ดอกไม้นี้เป็นราชินีแห่งบุปผาชาติทั้งมวล จากนั้นก็ประทานดอกกุหลาบให้กับเทพ อีโรส ซึ่งเป็นเทพแห่งความรัก กุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความรัก แล้วเทพ อีโรส ก็ประทานกุหลาบนี้ให้แก่ ฮาร์โพเครติส ซึ่งเป็นเทพแห่งความเงียบ เพื่อที่จะเก็บซ่อนความอ่อนแอของทวยเทพทั้งหลาย ดอกกุหลาบจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความเงียบและความเร้นลับอีกอย่างหนึ่ง

               กุหลาบกลายเป็นของขวัญ ของกำนัลสำหรับการแสดงความรัก และมักจะมีผู้เปรียบเทียบความงามของผู้หญิงเป็นเสมือนดอกกุหลาบ และผู้หญิงคนแรกในประวัติศาสตร์โลกที่ได้รับสมญาว่าเป็นผู้หญิงงามเสมือนดอกกุหลาบคือ พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งพระนางยังได้เคยต้อนรับ มาร์ค แอนโทนี คนรักของพระนาง ในห้องซึ่งโรยด้วยดอกกุหลาบหนาถึง 18 นิ้ว หอมฟุ้งไปด้วยกลิ่นกุหลาบ


ดอกกุหลาบตำนานดอกกุหลาบในเมืองไทย

               กุหลาบมาจากคำว่า "คุล" ในภาษาเปอร์เชีย แปลว่า "สีแดง ดอกไม้ หรือดอกกุหลาบ" และเข้าใจว่าจากเปอร์เซียได้แพร่เข้าไปในอินเดีย เพราะในภาษาฮินดีมีคำว่า "คุล" แปลว่า "ดอกไม้" และคำว่า "คุลาพ" หมายถึงกุหลาบอย่างที่ไทยเราเรียกกัน แต่ออกเสียงเป็น "กุหลาบ"  ส่วนคำว่า "Rose" ในภาษาอังกฤษนั้นมาจากคำว่า "Rhodon" ที่แปลว่ากุหลาบในภาษากรีก

ดอกกุหลาบ               กุหลาบเข้ามาเมืองไทยสมัยใดไม่ทราบแน่ชัด แต่จากบันทึกของ ลา ลูแบร์ ราชทูตฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช บันทึกไว้ว่าได้เห็นกุหลาบที่กรุงศรีอยุธยา และที่แน่นอนอีกแห่งก็คือ ในกาพย์ห่อโคลงนิราศธารโศกสมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งเป็นพระนิพนธ์ของเจ้าฟ้าธรรมาธิเบศร์ กล่าวถึงกุหลาบไว้ว่า

        กุหลาบกลิ่นเฟื่องฟุ้ง
หอมรื่นชื่นชมสอง
นึกกระทงใส่พานทอง
หยิบรอจมูกเจ้า

เนืองนอง
สังวาส
ก่ำเก้า
บ่ายหน้าเบือนเสีย

               สำหรับตำนานดอกกุหลาบของไทยเล่ากันว่า เป็นบทละครพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่ 6 เรื่อง มัทนะพาธา ในเรื่องเล่าถึงเทพธิดาองค์หนึ่งชื่อ "มัทนา" ซึ่งนางได้มีเทพบุตรองค์หนึ่งชื่อ "สุเทษณะ" ซึ่งพระองค์ทรงหลงรักเทพธิดา "มัทนา" มากแต่นางไม่มีใจรักตอบ จึงถูกสาบให้ไปเกิดเป็นดอกกุหลาบ จึงกลายเป็นตำนานดอกกุหลาบแต่นั้นมา

กุหลาบกุหลาบขาว กับ กุหลาบแดง สีไหนเกิดก่อน ?

               มีหลายตำนานเล่าถึงการเกิดกุหลาบสีขาวและกุหลาบสีแดงไว้แตกต่างกัน ตำนานหนึ่งเล่าว่า กุหลาบขาว เกิดขึ้นก่อน กุหลาบแดง เดิมทีมีนกไนติงเกลตัวหนึ่งมาหลงรักเจ้าดอกกุหลาบขาวแสนสวย ขณะที่มันกำลังจะโอบกอดดอกกุหลาบด้วยความรักนั้นเอง หนามกุหลาบก็ทิ่มแทงที่หน้าอกของมัน หยดเลือดของเจ้านกไนติงเกลเลยทำให้ดอกกุหลาบสีขาวกลายเป็นสีแดง เลยมีดอกกุหลาบสีแดงนับแต่นั้นเป็นต้นมา ส่วนอีกตำนานหนึ่งก็เล่าว่ากุหลาบสีแดงใน สวนอีเดน เกิดจาการจุมพิตของ อีฟ เจ้าดอกกุหลาบขาวที่หญิงสาวจุมพิต เลยเกิดอาการขวยเขินจึงเปลี่ยนเป็นสีแดง

               นอกจากนี้ ความหมายของความรักในศาสนาคริสต์ ถือว่ากุหลาบสีขาวแทนความบริสุทธิ์ของ พระแม่มาเรีย และกุหลาบสีแดงเกิดจากหยาดพระโลหิตของ พระเยซูเจ้า เมื่อถูกสวมมงกุฎหนาม มันจึงเป็นสัญลักษณ์ของผู้ประกาศศาสนาที่พลีชีพเพื่อพระผู้เป็นเจ้า

กุหลาบสีกุหลาบสื่อความหมาย

               ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก ดอกกุหลาบถือเป็นสัญลักษณ์ และของกำนัลของวันนี้ ดังนั้นเวลาที่คิดจะให้ดอกกุหลาบแก่ใครสักคน เราก็น่าจะรู้ความหมายของสีอันเป็นสื่อความหมายของดอกกุหลาบไว้บ้างก็น่าจะดี ซึ่งก็จะมีความดังนี้

  • สีแดง สื่อความหมายถึง ความรักและความปรารถนา เป็นดอกไม้ของกามเทพ คิวปิด และอีรอส เป็นสิ่งนำโชคนำความรักมาให้แก่หญิงหรือชายที่ได้รับ
  • สีชมพู สื่อความหมายถึง ความรักที่มีความสุขอย่างสมบูรณ์
  • สีขาว สื่อความหมายถึง ความมีเสน่ห์ ความบริสุทธิ์ มิตรภาพ และความสงบเงียบ และนำโชคมาให้แก่หญิงหรือชายเช่นเดียวกับกุหลาบแดง
  • ดอกกุหลาบสีเหลือง สื่อความหมายถึง เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันเสมอนะ
  • สีขาวและแดง สื่อความหมายถึง ความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
  • กุหลาบตูม สื่อความหมายถึง ความงามและความเยาว์วัย

ดอกกุหลาบช่อกุหลาบสื่อความหมาย

               จำนวนดอกกุหลาบในช่อก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สื่อความหมายได้เช่นกัน และในวันวาเลนไทน์หรือวันไหนๆ ถ้าคุณได้ช่อดอกกุหลาบจากใครสักคน เค้าคนนั้นอาจกำลังต้องการสื่อความหมายอะไรบางอย่างให้คุณรู้ก็เป็นได้

จำนวนดอกกุหลาบ
1
2
3
7
9
10
11
12
13
15
20
21
36
40
99
100
101
108
999

ความหมาย
รักแรกพบ
แสดงความรู้สึกที่ดีให้กัน
ฉันรักเธอ
คุณทำให้ฉันหลงเสน่ห์
เราสองคนจะรักกันตลอดไป
คุณเป็นคนที่ดีเลิศ
คุณเป็นสมบัติชิ้นที่มีค่าชิ้นเดียวของฉัน
ขอให้เธอเป็นคู่ของฉันเพียงคนเดียว
เพื่อนแท้เสมอ
ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ
ฉันมีความจริงใจต่อเธอ
ชีวิตินี้ฉันมอบเพื่อเธอ
ฉันยังจำความหลังอันแสนหวาน
ความรักของฉันเป็นรักแท้
ฉันรักเธอจนวันตาย
ฉันอุทิศชีวิตนี้เพื่อเธอ
ฉันมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้น
คุณจะแต่งงานกับฉันไหม
ฉันจะรักคุณจนวินาทีสุดท้าย

วันอังคารที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2555

ครูในดวงใจ

ขอบูชาพระคุณครูที่พร่ำสอน
จนอ่านออกเขียนและมีวันนี้ได้เพราะครู

เพลง รางวัลของครู
 ปา เจ รา จริยา โหนติ
คุนุตรา นุสา สกา 

ครูในดวงใจของข้าพะเจ้า

           คุณครูในดวงใจของข้าพะเจ้านั้น คุณครูทุกคนที่คอยอบรมสั่งสอนเราให้มีความรุ้การศึกษา ไม่ว่าจะเป็นวิชาไหนก็ตาม ท่านมีพระคุณต่อเรามากมาย ทั้งเหนื่อยยากลำบากเเค่ไหนท่านก็ยังสามารถช่วยเหลือพวกเราได้เสมอ ถึงเเม้เราจะประสบปัญหามากเเค่ไหน ขอให้เราบอกท่าน ท่านก็จะช่วยเราได้ไม่มากก็น้อยเสมอ 
ปล.เรารักคุณครูทุกท่าน


เพลง ครูในดวงใจ



ดอกกล้วยไม้ : ดอกไม้วันครู
คณะกรรมการจัดงานวันครู พ.ศ. ๒๕๓๙ ได้มีมติกำหนดให้
ดอกกล้วยไม้เป็นดอกไม้ประจำวันครู โดยพิจารณาเห็นว่าธรรมชาติ
ของดอกกล้วยไม้มีลักษณะคล้ายคลึงกับงานจัดการศึกษาและ
สภาพชีวิตของครูดังคำกลอนของ ท่านหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ที่ว่า
"กล้วยไม้มีดอกช้าฉันใด
การศึกษาเป็นไปฉันนั้น
แต่ดอกออกคราวไรงามเด่น
การศึกษาปลูกปั้นเสร็จแล้วแสนงาม"

นอกจากนี้กล้วยไม้เป็นพืชที่อยู่ในที่สูง ทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศ
ไม่ร่วงโรยง่าย เปรียบเหมือนครูที่อยู่ทั่วแดนไทย ที่ต้องอดทนต่อสู้
เพื่ออุดมการณ์และอุทิศตนเพื่อการศึกษาของชาติ


น้อมจิตวันทา บูชาคุณครู กตัญญูกตเวที


แม้งานหนักเหน็ดเหนื่อยไม่เคยบ่น
สู้อดทนส่งเสริมศิษย์พิชิตฝัน
สู้อุตส่าห์สั่งสอนทุกวี่วัน
จิตมุ่งมั่นอบรมจริยา

หวังเห็นศิษย์ก้าวหน้าในชีวิต
โดยอุทิศแรงกายให้สมค่า
คำว่าครูผู้ที่ใช้ซึ่งปัญญา
แก้ปัญหานานาประการ

มีเมตตาปรานีเป็นที่ตั้ง
คอยเหนี่ยวรั้งศิษย์รักทุกสถาน
คอยชี้แนะช่วยเหลือและเจือจาน
ศิษย์จึงผ่านอุปสรรคทุกสิ่งไป

แม้งานหนักอย่างไรไม่เคยท้อ
เพียงแต่ขอศิษย์รักที่เติบใหญ่
มีวิชาความรู้ตลอดไป
เพื่อไว้ใช้เลี้ยงชีพสำหรับตน

ขอน้อมจิตวันทาบูชาครู
ขอเชิดชูปูชนีย์คุณมากล้น
ขอกตัญญูต่อครูทุกทุกคน
ขอกุศลแห่งความดีคุ้มครองครู ฯ


คุณครูที่รัก.....

เห็นลำเรือลอยมา..ที่ท่าน้ำ
พายวาดค้ำลำแอบเข้าแนบข้าง
หลากหลายเท้าคู่น้อย..ก็พลอยวาง-
ก้าวเหยียบย่างลงสู่..เสียงกรูเกรียว

เรือจ้างน้อยลอยลำ..พายจ้ำจ้วง
แต่ละช่วงจังหวะ..น้ำชะเชี่ยว
เห็นเธอวาด..พายค้ำ..เรือลำเรียว
อยู่กลางสายชลเปลี่ยว..อย่างเดียวดาย

เช่น..ดวงวันลอยดวง..ขึ้นช่วงแสง
ทาบหล้าแหล่งให้พิสุทธิ์..เห็นจุดหมาย
เมื่อหัวใจมุ่งอยู่..ไม่รู้วาย
จักจ้วงพายพาคน..ข้ามพ้นน้ำ

งามยิ่งงาม..ก็ระยับอยู่กับโลก
ปรุงปรนหอมบ่ายโบกโลมโลกต่ำ
เมื่อปรารมภ์พร่างพร้อย..ทุกรอยกรรม-
ย่อมจักย้ำยุดงามอยู่ท่ามตา

มือเรียววาดพาย-วนกลางชลเปลี่ยว
พร้อมทุกเสี้ยวส่วนใจ..รู้-ใฝ่หา
คลื่นสวนลำโหมหนัก..ในมรรคา
เห็นเพียงใจแกร่งกล้าไม่ล้าโรย

ร่างน้อยน้อยนั่งมองตาจ้อง-เพ่ง
ท่ามสูรย์เปล่งปลาบแนว..ลมแผ่วโผย
แรงคลื่นสายธารโลก..คอยโบกโบย
พาพ้นโดยมือเรียว..ที่เคี่ยวกรำ

ปีแล้ว..และปีเล่า..ที่เจ้าเป็น
ผ่านร้อยเข็ญ..พันโศกแห่งโลกต่ำ
ด้วยจิตที่สำนึก..งามลึกล้ำ
ค่อยค่อยจ้ำเรือน้อย..ล่องลอยไป

ละเที่ยวพาย..ละเที่ยวผ่าน..ฝ่าธารเชี่ยว
ค่อยค่อยเคี่ยวกรำสอน..อาทรให้-
ลูกศิษย์น้อยคล้อยหลัง..สู่ฝั่งไกล
ผ่านน้ำไหล..ชะเชี่ยว..ด้วยเรี่ยวแรง

คือเรือน้อยลอยผ่านสายธารไหล
ด้วยจิตใจครูสาวผู้กร้าวแกร่ง
ที่จะคอยคัดท้าย-วาดพาย..ทะแยง
พาหัวเรือทิ่มแทง..สู้แรงน้ำ

ทอดทิ้งตัวตนอยู่..เพื่อผู้อื่น
ท่ามกระแสลมตื่น..เสียงคลื่นคร่ำ-
ครวญระดมห่มห้อม..อยู่ล้อมลำ-
เรือน้อยคอยพลิกคว่ำ..จมลำเรือ

ภาพเด็กน้อยจำพราก..พ้นฟากฝั่ง
มือเรียววาดพายยัง..อีกฝั่งเพื่อ –
รับส่งอีกทุกรุ่น..ช่วยจุนเจือ-
ภาพงดงามให้หลงเหลือ...ในแผ่นดิน..!


บทสวดเคารพครูอาจารย์
 
คาถา ปาเจราจริยา โหนฺติ คุณุตฺตรานุสาสกา (วสันตดิลกฉันท์)
(สวดนำ) ปาเจราจริยา โหนติ (รับพร้อมกัน) คุณุตฺตรานุสาสกาปญญาวุฑฺฒิกเร เต เต ทินฺโนวาเท นมามิหํ
ข้าขอประณตน้อมสักการ บุรพคณาจารย์
ผู้ก่อประโยชน์ศึกษา
ทั้งท่านผู้ประสาทวิชา อบรมจริยา
แก่ข้าในกาลปัจจุบัน
ข้าขอเคารพอภิวันท์ ระลึกคุณอนันต์
ด้วยใจนิยมบูชา
ขอเดชกตเวทิตา อีกวิริยะพา
ปัญญาให้เกิดแตกฉาน
ศึกษาสำเร็จทุกประการ อายุยืนนาน
อยู่ในศีลธรรมอันดี
ให้ได้เป็นเกียรติเป็นศรี ประโยชน์ทวี
แก่ชาติและประเทศไทย เทอญฯ
ข้าขอประนมกระพุ่ม
อภิวาทนาการ
กราบคุณอดุลคุรุประทาน
หิตเทิดทวีสรร
สิ่งสมอุดมคติประพฤติ
นรยึดประครองธรรม์
ครูชี้วิถีทุษอนันต์
อนุสาสน์ประภาษสอน
ให้เรืองและเปรื่องปริวิชาน
นะตระการสถาพร
ท่านแจ้งแสดงนิติบวร
ดนุยลยุบลสาร
โอบเอื้อและเจือคุณวิจิตร
ทะนุศิษย์นิรันดร์กาล
ไปเปื่อก็เพื่อดรุณชาญ
ลุฉลาดประสาทสรรพ์
บาปบุญก็สุนทรแถลง
ธุระแจงประจักษ์ครัน
เพื่อศิษย์สฤษฎ์คตจรัล
มนเทิดผดุงธรรม
ปวงข้าประดานิกรศิษ
(ษ) ยะคิดระลึกคำ
ด้วยสัตย์สะพัดกมลนำ
อนุสรณ์เผดียงคุณ
โปรดอวยพรสุพิธพรอเนก
อดิเรกเพราะแรงบุญ
ส่งเสริมเฉลิมพหุลสุน-
ทรศิษย์เสมอเทอญฯ





วันอังคารที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2555

วันเด็ก Children Day


วันเด็กแห่งชาติ (ประเทศไทย)


วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันสำคัญในประเทศไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชย
ในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้ คำขวัญวันเด็ก ทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น

[แก้]ประวัติ

งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี 
ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการ
ของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม
 เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล
 รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศ
ทั้งในระบบโรงเรียนและนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย 
ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
 อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติจัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็ก
ได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝน
และเป็นวันหยุดราชการ จนถึงทุกวันนี้

วันเด็ก

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

         เมื่อผ่านพ้นเทศกาลเฉลิมฉลองในช่วงปีใหม่ ก็ถึงคิวของวันมหัศจรรย์ของเด็ก ๆ นั่นคือ "วันเด็กแห่งชาติ" ที่ถูกกำหนดให้ตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี ดังนั้น วันนี้กระปุกดอทคอม จึงไม่พลาดที่จะนำเรื่องราวความเป็นมาของวันสำคัญวันนี้มาฝากกันค่ะ


 ประวัติความเป็นมา

         วันเด็กแห่งชาติ มีต้นกำเนิดมาจากการที่องค์การสหประชาชาติทั่วโลกเกิดความตื่นตัว และเห็นพ้องต้องกันว่าควรจะให้ความสำคัญแก่เด็ก ๆ โดยในปี พ.ศ. 2498 นายวี เอ็ม กุล ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิการเด็กระหว่างประเทศ ได้เป็นผู้เสนอต่อกรมประชาสงเคราะห์ ให้มีการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนได้เห็นความสำคัญ และความต้องการของเด็ก รวมถึงเพื่อเป็นการกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ

         ทั้งนี้ การขานรับกับการจัดงานวันเด็กแห่งชาติได้เป็นไปอย่างกว้างขวาง ในปีเดียวกันนั้นเองทั่วโลกไม่น้อยกว่า 40 ประเทศ จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติของตนขึ้น โดยได้มีการกำหนดว่าจะถือเอาวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ

         สำหรับประเทศไทย ได้ตอบรับข้อเสนอของนายวี เอ็ม กุลกานี ซึ่งบอกผ่านมาทางกรมประชาสงเคราะห์ กระทรวงมหาดไทยว่า ไทยควรจัดงานเฉลิมฉลองวันเด็กแห่งชาติ รัฐบาลจึงได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียน และนอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
วันเด็ก

         อย่างไรก็ตาม งานวันเด็กแห่งชาติครั้งแรกของประเทศไทย จัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ.2498 จากนั้นเป็นต้นมา ราชการได้กำหนดวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมของทุกปี เป็นวันเด็กแห่งชาติ โดยจัดต่อเนื่องกันมาจนถึงปี 2506 ที่ประชุมคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติในปีนั้น ได้มีความเห็นพ้องต้องกันว่า สมควรที่จะเสนอเปลี่ยนวันจัดงานวันเด็กแห่งชาติเสียใหม่ ด้วยเหตุผลว่า เดือนตุลาคมสำหรับประเทศไทย เป็นเดือนที่ยังอยู่ในฤดูฝน มีฝนตกมาก เด็ก ๆ ไม่สะดวกในการเดินทางมาร่วมงาน นอกจากนี้วันจันทร์เป็นวันปฏิบัติงานของผู้ปกครอง จึงไม่สามารถพาเด็กของตนไปร่วมงานได้

         ด้วยเหตุนี้ คณะรัฐมนตรีจึงมีมติเห็นชอบ ในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507 ว่า ควรจะเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ที่มีความเหมาะสมและสะดวกมากกว่า ตามที่คณะกรรมการจัดงานวัดเด็กแห่งชาติเสนอมา ส่งผลให้ในปี 2507 ไม่มีงานวันเด็กแห่งชาติด้วยการประกาศเปลี่ยนได้เลยวันมาแล้ว งานวันเด็กแห่งชาติจึงเริ่มจัดขึ้นใหม่อีกครั้งในปี 2508 เรื่อยมาถึงปัจจุบัน

 วัตถุประสงค์การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ


         สำหรับวัตถุประสงค์ของการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ที่รัฐบาลไทยกำหนดไว้ คือ เพื่อให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของเด็ก สนใจในการเลี้ยงดูอบรมสั่งสอนเด็ก และช่วยเหลือสงเคราะห์เด็กเป็นพิเศษ เพื่อให้เด็กและและเยาวชนยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เพื่อให้เด็กรู้จักหน้าที่ของตนและอยู่ในระเบียบวินัยอันดี และเพื่อเผยแพร่ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิของเด็ก

         นอกจากนี้ จะเห็นได้ว่า ทุก ๆ ปี ในวันนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะพระราชทานพระบรมราโชวาท สมเด็จพระสังฆราชฯ ทรงโปรดประทานพระคติธรรม และ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีจะมอบคำขวัญวันเด็ก แสดงให้เห็นว่าเด็กเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดของชาติ เราจึงได้ยินคำพูดอยู่บ่อย ๆ ว่า "เด็กคืออนาคตของชาติ เด็กฉลาด ชาติเจริญ"
 กิจกรรมวันเด็ก
         กิจกรรมต่าง ๆ ที่ปฏิบัติในวันเด็กแห่งชาติ  ล้วนมีจุดประสงค์ไปในทางเดียวกัน คือ เพื่อให้เด็กได้ตระหนักถึงคุณค่าบทบาท และความสำคัญของตนเอง โดยการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น ในโรงเรียน หมู่บ้าน หรือหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนจัดขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าทุกถิ่นจะมีขนมมากมาย มีคำเชื้อเชิญเพราะ ๆ มีคำอวยพรให้เด็กๆ เป็นวันที่เด็ก ๆ มีสิทธิพิเศษ ถนนทุกสาย เปิดพื้นที่ให้เด็กๆ หรือร่วมกันทำกิจกรรม ในแต่ละชุมชนเพื่อเด็กๆ จัดบรรยากาศเพื่อเด็ก ๆ เพลงเด็ก ๆ ของขวัญเพื่อเด็ก ๆ ฯลฯ
วันเด็ก

 สถานที่จัดกิจกรรม วันเด็ก 2555

          สำหรับวันเด็ก ประจำปี 2555 นี้ ตรงกับวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ว่าแต่จะมีสถานที่ไหนจัดกิจกรรมให้เด็ก ๆ บ้างไหน ไปดูกันค่ะ

กองทัพอากาศ

          จัดงานวันเด็กในวันเสาร์ที่ 14 มกราคมนี้ โดยนอกจากเด็ก ๆ จะได้พบกับเครื่องบินแบบต่าง ๆ ของกองทัพอากาศที่มีประจำการแล้ว ปีนี้จะเป็นปีแรกที่จะได้ยลโฉม เครื่องบินขับไล่แบบ GRIPEN 39 C/D และการเปิดตัวหมู่บินผาดแผลงบูลฟีนิกซ์ ซึ่งตั้งขึ้นเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเนื่องในปี 2555 นี้ ครบรอบ 100 ปี การบินบุพการทหารอากาศ หรือปีที่คนไทยคนแรก คือ พลอากาศโทพระยาเฉลิมอากาศ ทำการบินครั้งแรก และกลับมาพัฒนาสร้างกองทัพอากาศ และกิจการการบินของประเทศไทย

สนามเสือป่า 

          กระทรวงศึกษาธิการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 วันที่ 14 มกราคม โดยกิจกรรมไฮไลต์ของปีนี้ คือ การจัดบอลลูนลอยฟ้า การฉายภาพยนตร์ 4 มิติ กิจกรรมแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัล เกมผจญภัย และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้เปิดงาน พร้อมกับพาบุตรชายมาเที่ยวชมงานด้วย

 สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)

          สำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เตรียมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) และร่วมกับพื้นที่ควบคุมในพระองค์ 904 โครงการสายใยรักแห่งครอบครัว ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม เพื่อส่งเสริมพัฒนาเด็กและเยาวชน ภายในงานจะมีเวทีหลัก มีกิจกรรมฐานต่าง ๆ เช่น ปาเป้า เพนท์ตุ๊กตา งานจักสาน วาดภาพ งานปั้้น เกมต่าง ๆ 20 กิจกรรม กิจกรรมละ 4 ชุด จัดชุดเครื่องเล่น สำหรับเด็ก 6 ชุด และของขวัญรางวัลสำหรับเด็ก ๆ ที่ผ่านการแข่งขันในกิจกรรมต่าง ๆ 8,200 ชิ้น และรางวัลพิเศษสำหรับเด็กเยาวชนที่ประสบความสำเร็จในการทำกิจกรรมตั้งแต่ 20 กิจกรรมขึ้นไป จำนวน 6,000 ชิ้น

ตลาดนัดจตุจักร 

          กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร (ตลาดนัดจตุจักร) ร่วมกับผู้ค้าตลาดนัดจตุจักร กำหนดจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นในวันที่ 14 มกราคม พ.ศ.2555 ระหว่าง เวลา 09.00 น. - 16.00 น. ณ บริเวณเต็นท์หน้ากองอำนวยการตลาดนัดจตุจักร โดยมีการจัดกิจกรรมการประกวดวาดภาพ การประกวดหนูน้อยขวัญใจตลาดนัดจตุจักร แข่งขันเล่นเกมส์ชิงรางวัล พร้อมทั้งบริการอาหารเครื่องดื่มและรับของที่ระลึก ฟรีตลอดงาน

          สำหรับการประกวดวาดภาพชิงรางวัลแบ่งเป็น 3 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุต่ำกว่า 7 ปี รุ่นอายุ 8-12 ปี และรุ่นอายุ 13 - 15 ปี สำหรับการประกวดหนูน้อยตลาดนัด แบ่งเป็น 2 รุ่น ได้แก่ รุ่นอายุต่ำกว่า 7 ปี และรุ่นอายุ 8 - 12 ปี ผู้ปกครองท่านใดจะส่งบุตรหลานเข้าร่วมประกวด สามารถขอรับและยื่นใบสมัครได้ที่งานส่งเสริมกิจการตลาดนัดจตุจักร กองอำนวยการตลาดนัดกรุงเทพมหานคร ถ.กำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ภายในวันที่ 8 มกราคม พ.ศ.2555 ระหว่าง เวลา 09.00 น. - 17.00 น. ทุกวัน (ยกเว้นวันจันทร์-อังคาร)

          สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่งานส่งเสริมกิจการตลาดนัดจตุจักร โทร. 0-2272-4440-1 ต่อ 103 , 110

ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร (องค์การมหาชน) ตลิ่งชัน

          ขอเชิญร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ 2555 "เด็กเล่นน้ำ" ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ตั้งแต่เวลา 08.00-13.00 น. โดยเด็ก ๆ จะได้เรียนรู้สังคมวัฒนธรรมผ่านสายน้ำ สนุกสนานไปกับกิจกรรมในรูปแบบวิถีชีวิตริมน้ำ ชีวิตในอุทกภัย ชีวิตในยามน้ำแล้ง พร้อมเกมสนุกและของรางวัลมากมาย

          สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02-880-9429 หรือ www.sac.or.th

ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดง 

          ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย–ญี่ปุ่น) ดินแดง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแห่งของการจัดกิจกรรมวันเด็กของกรุงเทพมหานคร จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ตั้งแต่เวลา 08.30 น. เป็นต้นไป สนุกสนานไปกับซุ้มเกม ฐานกิจกรรมต่าง ๆ สร้างความรักความอบอุ่นในครอบครัว พร้อมลุ้นรับของขวัญของรางวัลมากมาย ชมการแสดงความสามารถจากสมาชิกศูนย์ฯ ร้อง เต้น เล่นละคร สร้างสรรค์ดนตรีอย่างเต็มอิ่มตลอดงาน

ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล 

          ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ หรือ NECTEC กำหนดจัดงานมหกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ในวันเสาร์ที่14 มกราคม 2555 ที่ทำเนียบรัฐบาล

          อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ nectec.or.th

สวนนกชัยนาท จังหวัดชัยนาท 

          กำหนดจัดงานตั้งแต่วันที่ 12 มกราคม 2555 -15 มกราคม 2555 ภายในสวนนกชัยนาท จังหวัดชัยนาท สามารถเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 32 ถึงสี่แยกถนนสายเอเชีย ช่วงชัยนาท-ตาคลี เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1 ประมาณ 7 กิโลเมตร สวนนกชัยนาทจะอยู่ทางขวามือ

 สำนักงานพิพิธภัณฑ์เกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ (องค์การมหาชน) อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี

          กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จัดงานวันเด็กภายใต้ชื่อ "เด็กไทยหัวใจเกษตร 9" ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ระหว่างเวลา 08.00 น. – 16.00 น. เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้เสริมทักษะ และมีเวทีการแสดงกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ ตลอดจนมีการละเล่นเพื่อแจกของรางวัลอย่างมากมาย จากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน

สวนสาธารณะหนองกระทิง จังหวัดลำปาง

          จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไป โดยจะมีการแสดงบนเวที การแข่งขันฟุตบอลชาย และแชร์บอลหญิง เด็ก ๆ จะได้สนุกกับเครื่องเล่นและอิ่มอร่อยกับอาหาร-เครื่องดื่มฟรีตลอดงาน

          นอกจากนั้นแล้ว ยังมีการแข่งขันตีก๋องปู่จาและดนตรีพื้นเมือง และเต็มอิ่มกับความบันเทิงครบรสจาก ต้น-ดิว เดอะสตาร์
ศาลากลางจังหวัดชลบุรี

          จัดงานวันเด็กแห่งชาติประจำปี 2555 ในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 เวลา 08.00 น.เป็นต้นไป ภายในงานประกอบไปด้วยกิจกรรมต่าง ๆ การจัดนิทรรศการความรู้ การส่งเสริมการรักการอ่าน การแสดงศิลปวัฒนธรรมไทย ศิลปะพื้นบ้าน การแสดงบนเวที การแข่งขันทักษะ การละเล่นแบบไทย

 สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา จังหวัดชลบุรี

          จัดงานวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม ตั้งแต่ 09.00-12.00 น. พบกับนิทรรศการ...งูหรือปลา ปลาหรืองู..., การสาธิตการดำน้ำให้อาหารปลา, การแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชนจากสถานศึกษาต่าง ๆ ในจังหวัดชลบุรี ฯลฯ

          อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ buu.ac.th

โรงไฟฟ้าราชบุรี จังหวัดราชบุรี

          บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรี จำกัด กำหนดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้น ภายใต้ชื่อ "งานวันเด็กแห่งชาติโรงไฟฟ้าราชบุรี ประจำปี 2555" ในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ.2555 ระหว่างเวลา 09.00 น. - 14.00 น. ณ โรงไฟฟ้าราชบุรี จ.ราชบุรี โดยมีกิจกรรมสนุก ๆ เหมือนเช่นทุกปี

 สวนหลวงเฉลิมพระเกียรติ ร.9 จังหวัดสุโขทัย

          จัดงานวันเด็กแห่งชาติในวันเสาร์ที่ 14 มกราคม 2555 ภายในงานมีกิจกรรม อาทิ การแสดงวงดนตรีสตริงชนะการประกวดส่งเสริมดนตรีเพื่อเยาวชน ประจำปี 2553 "ST MUSIC CHALENGE 1" ชมการแสดงของโรงเรียนในสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดสุโขทัย เล่นเกมส์ชิงรางวัล ชมการแสดงวงดนตรีสตริง นิทรรศการภารกิจงาน (กองช่าง) นั่งรถรางชมภูมิทัศน์รอบงาน อาหารและเครื่องดื่ม ฟรีตลอดงาน

สนามมิ่งเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร

          จังหวัดสกลนครร่วมกับเทศบาลเมืองสกลนคร ส่วนราชการและภาคเอกชน ภายในจังหวัดสกลนคร จัดงานวันเด็กแห่งชาติ ในวันเสาร์ที่ 14  มกราคม ณ บริเวณสนามมิ่งเมืองสกลนคร โดยจัดให้มีนิทรรศการของหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน การแสดงบนเวที การแจกของขวัญ ของรางวัลและการแข่งขันเกมต่าง ๆ เพื่อให้เด็กได้เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมความรู้ ความสามารถ กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก เพื่อส่งเสริมความรู้ความสามารถและประสบการณ์ใหม่ให้กับเด็กที่มาร่วมงานดังกล่าว

ใต้ฟ้าซิตี้ จังหวัดนครราชสีมา

          กำหนดจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ครั้งที่ 18 ณ วันเสาร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ.2555 พบกับการประกวด วงดนตรีลูกทุ่งสุดอลังการ ตัดสินโดยกรรมการจากรายการชิงช้าสวรรค์ ร่วมชมหรือร่วมแสดงความสามารถพิเศษบนเวที ประเภททีม 3 คนขึ้นไป จากน้อง ๆ ลูกหลานย่าโม ชิมอาหารและเครื่องดื่มแสนอร่อยทั้งวัน จากครัวยี่ห้อต่าง ๆ พร้อมเล่นเกมสุดมันส์ ชิงรางวัลเพียบ ฟรีตลอดงาน!!

          สอบถามเพิ่มเติม หรือสมัครประกวดได้ที่ 044-254344 ติดต่อ คุณอ้อย หรือ คุณทุม ได้ทุกวัน ไม่มีวันหยุด! 9.00-19.30 น.

          อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมที่ facebook.com

 มหาวิทยาลัยทักษิณ วิทยาเขตพัทลุง

          ขอเชิญเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ในวันศุกร์ ที่ 13 มกราคม 2555 พบกับ กิจกรรการแสดงบนเวทีของเด็กเล็กและนักเรียน การจับฉลากชิงรางวัลแจ็คพอต เกมสันทนาการ กสนประกวดหนูน้อยสุขภาพดี / หนูน้อยฟันสวย ฐานการเรียนรู้ต่าง ๆ การแสดงผลงานวิชาการ กิจกรรมการส่งเสริมการอ่าน กิจกรรมกระโดดร่ม ฯลฯ 

[แก้]คำขวัญวันเด็ก

คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้ง
แรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์
 ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 
1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
ปีนายกรัฐมนตรีคำขวัญ
พ.ศ. 2499จอมพล ป. พิบูลสงครามจงบำเพ็ญตนให้เป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นและส่วนรวม
พ.ศ. 2502จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความก้าวหน้า
พ.ศ. 2503จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่รักความสะอาด
พ.ศ. 2504จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่อยู่ในระเบียบวินัย
พ.ศ. 2505จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่ประหยัด
พ.ศ. 2506จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ขอให้เด็กสมัยปฏิวัติของข้าพเจ้า จงเป็นเด็กที่มีความขยันหมั่นเพียรมากที่สุด
พ.ศ. 2507จอมพลถนอม กิตติขจรไม่มีคำขวัญ เนื่องจากงดการจัดงานวันเด็กแห่งชาติ
พ.ศ. 2508จอมพลถนอม กิตติขจรเด็กจะเจริญต้องรักเรียนเพียรทำดี
พ.ศ. 2509จอมพลถนอม กิตติขจรเด็กที่ดีต้องมีสัมมาคารวะ มานะ บากบั่น และสมานสามัคคี
พ.ศ. 2510จอมพลถนอม กิตติขจรอนาคตของชาติจะสุกใส หากเด็กไทยแข็งแรงดีมีความประพฤติเรียบร้อย
พ.ศ. 2511จอมพลถนอม กิตติขจรความเจริญและความมั่นคงของชาติไทยในอนาคต ขึ้นอยู่กับเด็กที่มีวินัย เฉลียวฉลาดและรักชาติยิ่ง
พ.ศ. 2512จอมพลถนอม กิตติขจรรู้เรียน รู้เล่น รู้สามัคคี เป็นความดีที่เด็กพึงจำ
พ.ศ. 2513จอมพลถนอม กิตติขจรเด็กประพฤติดีและศึกษาดี ทำให้มีอนาคตแจ่มใส
พ.ศ. 2514จอมพลถนอม กิตติขจรยามเด็กจงหมั่นเรียน เพียรกระทำดี เติบใหญ่จะได้มีความสุขความเจริญ
พ.ศ. 2515จอมพลถนอม กิตติขจรเยาวชนฝึกตนดี มีความสามารถ
พ.ศ. 2516จอมพลถนอม กิตติขจรเด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ
พ.ศ. 2517สัญญา ธรรมศักดิ์สามัคคีคือพลัง
พ.ศ. 2518สัญญา ธรรมศักดิ์เด็กดีคือทายาทของชาติไทย ต้องร่วมใจร่วมพลังสร้างความสามัคคี
พ.ศ. 2519หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชเด็กที่ต้องการเห็นอนาคตของชาติรุ่งเรือง จะต้องทำตัวให้ดี มีวินัย เสียแต่บัดนี้
พ.ศ. 2520ธานินทร์ กรัยวิเชียรรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย
พ.ศ. 2521พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติมั่นคง
พ.ศ. 2522พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์เด็กไทยคือหัวใจของชาติ
พ.ศ. 2523พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2524พลเอกเปรม ติณสูลานนท์เด็กไทยมีวินัย ใจสัตย์ซื่อ รู้ประหยัด เคร่งครัดคุณธรรม
พ.ศ. 2525พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ขยันศึกษา ใฝ่หาความรู้ เชิดชูชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเด็กไทย
พ.ศ. 2526พลเอกเปรม ติณสูลานนท์รู้หน้าที่ ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด มีวินัยและคุณธรรม
พ.ศ. 2527พลเอกเปรม ติณสูลานนท์รักวัฒนธรรมไทย ใฝ่ดีมีความคิด สุจริตใจมั่น หมั่นศึกษา
พ.ศ. 2528พลเอกเปรม ติณสูลานนท์สามัคคี นิยมไทย มีวินัย ใฝ่คุณธรรม
พ.ศ. 2529พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2530พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2531พลเอกเปรม ติณสูลานนท์นิยมไทย มีวินัย ใช้ประหยัด ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2532พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2533พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใจสัตย์ซื่อ ถือคุณธรรม
พ.ศ. 2534พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณรู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่คุณธรรม นำชาติพัฒนา
พ.ศ. 2535อานันท์ ปันยารชุนสามัคคี มีวินัย ใฝ่ศึกษา จรรยางาม
พ.ศ. 2536ชวน หลีกภัยยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2537ชวน หลีกภัยยึดมั่นประชาธิปไตย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2538ชวน หลีกภัยสืบสานวัฒนธรรมไทย ร่วมใจพัฒนา รักษาสิ่งแวดล้อม
พ.ศ. 2539บรรหาร ศิลปอาชามุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด
พ.ศ. 2540พลเอกชวลิต ยงใจยุทธรู้คุณค่าวัฒนธรรมไทย ตั้งใจใฝ่ศึกษา ไม่พึ่งพายาเสพติด
พ.ศ. 2541ชวน หลีกภัยขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ. 2542นายชวน หลีกภัยขยัน ประหยัด ซื่อสัตย์ มีวินัย
พ.ศ. 2543ชวน หลีกภัยมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ. 2544ชวน หลีกภัยมีวินัย ใฝ่เรียนรู้ คู่คุณธรรม นำประชาธิปไตย
พ.ศ. 2545พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรเรียนให้สนุก เล่นให้มีความรู้ สู่อนาคตที่สดใส
พ.ศ. 2546พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรเรียนรู้ตลอดชีวิต คิดอย่างสร้างสรรค์ ก้าวทันเทคโนโลยี
พ.ศ. 2547พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรรักชาติ รักพ่อแม่ รักเรียน รักสิ่งดีๆ อนาคตดีแน่นอน
พ.ศ. 2548พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรเด็กรุ่นใหม่ ต้องขยันอ่าน ขยันเรียน กล้าคิด กล้าพูด
พ.ศ. 2549พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตรอยากฉลาด ต้องขยันอ่าน ขยันคิด
พ.ศ. 2550พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์มีคุณธรรมนำใจ ใช้ชีวิตพอเพียง หลีกเลี่ยงอบายมุข
พ.ศ. 2551พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์สามัคคี มีวินัย ใฝ่เรียนรู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2552อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะฉลาดคิด จิตบริสุทธิ์ จุดประกายฝัน ผูกพันรักสามัคคี
พ.ศ. 2553อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะคิดสร้างสรรค์ ขยันใฝ่รู้ เชิดชูคุณธรรม
พ.ศ. 2554อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะรอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ
พ.ศ. 2555ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรสามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี

[แก้]